Design Data for Mixing Vessel and Agitator
 
ถังผสม (Mixing vessel or tank)
การกำหนดสัดส่วนและรูปร่างของถังมีความสำคัญกับการกวนมาก สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงประเภทการกวน (mixing categories) เป็นแบบ blending การผสมของเหลวให้เข้ากัน หรือแบบ suspension การผสมของแข็งให้เข้ากับของเหลว ซึ่งต้องใช้ใบกวนที่ให้ axial flow ส่วนแบบ emulsion การผสมของเหลวที่ไม่เข้ากัน โดยการเฉือนให้ droplet ของของเหลวชนิดหนึ่งแขวนลอยในอีกชนิดหนึ่ง หรือแบบ dispersion การเฉือนให้ของแข็งมีขนาดเล็กลงและแขวนลอยอยู่ในของเหลว ซึ่งต้องใช้ใบกวนแบบ radial flow โดยถังสำหรับใบกวนแบบ axial flow ควรมีสัดส่วนความสูงของของเหลวให้มากกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางถังราว 20% หรือ 1.2 : 1.0 ทั้งนี้เพราะใบแบบ axial flow สามารถดันของเหลวให้ขึ้นสูงในแนวดิ่งได้มากกว่าแนวนอน หากสัดส่วนของของเหลวในถังมากกว่านี้ก็จะต้องเพิ่มจำนวนชั้นของใบให้มากขึ้น ส่วนถังสำหรับใบกวนแบบ radial flow ควรกำหนดให้สัดส่วนความสูงของของเหลวในถังน้อยกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางถังราว 20% หรือ 0.8 : 1.0 ทั้งนี้เพราะใบแบบ radial flow จะผลักของเหลวออกในแนวรัศมีทำให้ของเหลวถูกดันขึ้นในแนวสูงได้น้อย ถ้าเรากำหนดสัดส่วนถังไม่ถูกต้อง ของเหลวอาจไม่สามารถดันขึ้นไปบนผิวหน้าของของเหลวได้ ทำให้การกวนไม่ทั่วถึง


การกำหนดรูปร่างของก้นถัง (ฺbottom Shape ) ก็มีส่วนสำคัญกับการกวนมากเช่นกัน โดยปกติก้นถังที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการกวนเป็นแบบทรงโค้ง (dish shape) โดยเฉพาะแบบ Torispherical dish ซึ่งมีรัศมีความโค้งเท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางถัง ทั้งนี้เพราะก้นถังไม่ลึกมากจนเกินไป สำหรับแบบก้นแบน (flat shape) ให้ประสิทธิภาพการกวนดีกว่าแบบกรวย (conical shape) แต่เนื่องจากโดยปกติแล้วแบบก้นแบนจะไม่สามารถถ่ายเทของเหลวจนหมดได้ จึงได้ปรับให้เป็นแบบก้นเอียง (slope shape) ซึ่งควรมีมุมที่ทำกับแนวนอนไม่เกิน 5° ถ้าหากมุมของก้นเอียงมากเกินไปก็จะเกิดจุดอับ (dead spot) ที่ตรงจุดเอียงต่ำสุด ทำให้เวลาการกวนนานขึ้นหรืออาจกวนเข้ากันไม่ได้ รวมทั้งอาจเป็นที่รวมของของแข็งได้ สำหรับก้นถังรูปกรวยควรมีมุมเอียงที่ขอบก้นถังทำกับแนวนอนไม่เกิน 15° ทั้งนี้เพราะที่ความเอียงที่มากกว่านี้จะทำให้ของเหลวไม่สามารถพลิกกลับขึ้นด้านบนได้ ทำให้การกวนผสมไม่เข้ากัน

 
 
Copyright (c) 2006 wellman.co.th